Tuesday, October 23, 2012

คุณโชคชัย บูลกุล

22 กันยายน 2012

..."คุณโชคชัย บูลกุล"...หนึ่งในบุคคลที่เป็นแบบอย่างของผมเองครับ จริงๆอยากเขียนถึงท่านมานานแล้วละ คุณโชคชัยเป็นคนที่อดทนและพยายามฟันฝ่าอุปสรรคด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จนกระทั่งฟาร์มโชคชัยซึ่งเป็นความใฝ่ฝันนั้นประสบความสำเร็จกลายมาเป็นอาณาจักรฟาร์มโคนมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
คุณโชคชัย บูลกุล
 
คุณโชคชัย บูลกุลนั้นเกิดเมื่อปี 2480 เป็นบุตรชายของนายมา และนางบุญครอง บูลกุล เศรษฐีค้าข้าวรายใหญ่ในสมัยนั้น (บางคนเห็นชื่อพ่อแม่ของท่านแล้วคงร้องอ๋อว่า....นี่คือชื่อของห้างมาบุญครอง หรือ MBK ในปัจจุบันนั่นเอง) และได้ไปเรียนต่อทางด้านปศุสัตว์ ที่มหาวิทยาลัยเมาท์ซานแอนโทนีโอ แคลิฟอร์เนีย จนถึงอายุ 16 ปี ในระหว่างเรียนหนังสือที่สหรัฐฯก็ชอบเดินทาง ไปแคมปิ้ง สะสมปืนยาว ซึ่งทำให้คุณโชคชัยมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นคาวบอยมานับแต่นั้น

เมื่อเรียนจบกลับมา คุณโชคชัยก็ทำงานแรกคือ รับเหมาก่อสร้างสนามบินหลายแห่ง เช่น ตาคลี, โคราช, อุบลราชธานี แล้วก็เริ่มทำตามความฝันบุกเบิกก่อตั้งฟาร์มโคนมเมื่ออายุ 20 ปี ในพื้นที่ปากช่อง (เขาใหญ่) ซึ่งยุคนั้นยังเรียกว่า "ป่าดงพญาไฟ" ด้วยความที่เป็นป่าดงดิบ ไข้ป่าและสัตว์ร้ายชุกชุม ไม่นับโจรผู้ร้ายและความทุรกันดารของพื้นที่


บรรยากาศฟาร์มโชคชัยในปัจจุบัน

สมัยนั้นการบุกเบิกพื้นที่ป่าดงดิบนั้นต้องอาศัยความทรหดอดทนมาก การที่ชายหนุ่มคนหนึ่งจะคุมคนงานหักร้างถางพงเพื่อสร้างฟาร์มโคนมขึ้นมาได้ ย่อมชี้ให้เห็นถึงความเพียรพยายามอย่างยิ่งยวด ฟาร์มโชคชัยตั้งขึ้นในปี 2511 ครับ เริ่มต้นจากวัวนมเพียงไม่กี่ตัว จนมีนับพันตัวในปัจจุบัน

ชีวิตคาวบอยในไร่ปศุสัตว์นั้นมิได้สวยหรู คุณโชคชัยทั้งล้มและลุกมาหลายครั้ง แต่กำลังใจที่สำคัญที่สุดก็คือ ในช่วงก่อตั้งฟาร์มโชคชัยยุคแรกๆนั้น ในหลวงทรงให้ฟาร์มโชคชัยส่งนมสดเข้าไปให้เสวยในวังสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อเป็นกำลังใจให้คุณโชคชัย ปัจจุบันกระติกนมที่ส่งนมเข้าวังทุกสัปดาห์นั้นก็ยังเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของคุณโชคชัยครับ

คุณโชคชัยเล่าว่า วันหนึ่งคุณโชคชัยได้มีโอกาสยืนรับเสด็จในหลวง..... ขณะที่ในหลวงกำลังจะเสด็จขึ้นรถ พระองค์ก็หันมาตรัสกับคุณโชคชัยว่า "คุณโชคชัย....ต่อไปนี้คุณจะดีแล้วนะ" คุณโชคชัยยืนน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งที่พระองค์ทรงให้กำลังใจเกษตรกรอย่างคุณโชคชัยมาตลอดชีวิต

โคนมของฟาร์มโชคชัย

เคล็ดลับหนึ่งที่คุณโชคชัยใช้ในยามที่ชีวิตลำบาก ก็คือ หยิบไดอารี่ในวันเก่าๆ มาพลิกดูวันที่ดีๆในอดีต แล้วบอกกับตัวเองว่า "วันดีๆแบบนี้จะกลับมาอีก" (ลืมเล่าว่า คุณโชคชัยเขียนไดอารี่มาทุกวัน ตลอดชีวิต จนวันนี้ก็ยังเขียนอยู่ครับ) และสิ่งหนึ่งที่คุณโชคชัยเชื่อมาตลอดก็คือ "กรรม" ถ้าเราทำดีในวันนี้ เราก็จะผลดีตอบแทนในวันหน้า ถ้าไม่ใช่ในชาตินี้ก็จะเป็นชาติหน้า เช่นเดียวกับผลของการทำชั่ว คุณโชคชัยเล่าว่า ท่านไม่เคยคดโกงหรือทุจริตเพราะความเชื่อในกฎแห่งกรรมนี้เอง

ผมจะไม่เล่าว่าปัจจุบันนี้ฟาร์มโชคชัยประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างไรบ้าง เพราะเราคงทราบดีอยู่แล้ว แต่ผมจะแนะนำว่า ถ้าท่านมีโอกาสก็อยากให้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์โชคชัย ที่รังสิต ครับ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของคุณโชคชัย เป็นตึกสูง 5 ชั้น มีทั้งของสะสม (ปืน, รถยนต์) บ้านเรือนไทย และที่น่าสนใจที่สุดคือ การจำลองยุคแรกเริ่มของการบุกเบิกฟาร์มโชคชัยในป่าดงพญาไฟ ซึ่งออกมาได้สวยงามมากๆ (ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท) คุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ....คอนเฟิร์ม

โชคชัยมิวเซียม

ปล. ห้างมาบุญครองนั้นเดิมนั้นบริหารโดยคุณศิริชัย บูลกุล (พี่น้องของคุณโชคชัย) ต่อมาเครือดุสิตธานีเข้ามาซื้อต่อแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น MBK ครับ

No comments:

Post a Comment