Saturday, April 23, 2016

Seal Team Six กับ โรเบิร์ต โอนีล

ตอนนี้มีข่าวดังชิ้นหนึ่งในอเมริกาครับ อ่านแล้วก็น่าสนุกดี

เราคงจำได้ว่าเมื่อปี 2011 หน่วยซีลของอเมริกันได้สังหารโอซามา บิน ลาเดน ได้ที่บ้านพักสามชั้นในประเทศปากีสถาน เป็นอันปิดฉากการตามล่าตัวศัตรูอันดับหนึ่งของอเมริกาได้ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของชาวอเมริกันทั้งปวง โดยเฉพาะญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 9/11

งานนี้เป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าเป็นฝีมือของซีลทีมซิกส์” (Seal Team 6) ที่ทำงานร่วมกับซีไอเอมานานหลายปี ทั้งสองหน่วยนี้เป็นหน่วยงานที่ปกปิดความลับได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่ารายละเอียดหรือชื่อของทหารในหน่วยก็ปิดลับทั้งสิ้น

แต่หลังจากภารกิจนี้สำเร็จก็มีภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ออกมาเล่าเป็นหนังแอ็คชั่นชื่อ “Zero Dark Thirty” มันส์สะใจ นัยว่าเป็นการโชว์พาวของสหรัฐอเมริกาที่ต้องการให้โลกรู้ และอีกไม่นานก็มีสมาชิกซีลทีมซิกส์ คนหนึ่งใช้นามปากกาว่ามาร์ค โอเว่นส่วนชื่อจริงคือแมท บิสซันเน็ทออกมาเขียนหนังสือเล่ารายละเอียดทั้งหมดของปฏิบัติการสะท้านโลกนี้ในหนังสือชื่อโน อีซี่เดย์” (No Easy Day) 


แม้หนังสือเล่มนี้จะขายดิบขายดีเป็นล้านเล่ม แต่นายแมท บิสซันเน็ท ก็โดนกระทรวงกลาโหมฟ้องร้องในข้อหาเปิดเผยความลับของทางราชการ จนบัดนี้คดีความก็ยังไม่จบสิ้น 

ล่าสุด….ก็มีทหารในทีมนี้ออกมาเปิดเผยตัวเองเป็นคนที่สอง คือโรเบิร์ต โอนีลคนนี้ไม่ได้เขียนหนังสือครับ แต่เขาออกมาเปิดเผยตัวเลยว่าเขาคือผู้ลั่นไกสังหารโอซามา บินลาเดน

โรเบิร์ต โอนีลคนนี้อายุ 38 ปีครับ ทำงานในหน่วยซีลมาตั้งแต่อายุ 21 เคยทำงานในภารกิจลับมามากมาย รวมทั้งภารกิจช่วยเหลือตัวประกันจากโจรสลัดโซมาเลียในปี 2009 ที่ภายหลังฮอลลีวู้ดเอามาทำเป็นหนังชื่อ Captain Phillip ที่ฉายไปเมื่อต้นปีนี้นี่แหละ

สำหรับในภารกิจสังหารบิน ลาเดนนั้น โอนีลเล่าว่าในวันนั้นใช้ทหารซีลทีมซิกส์ทั้งหมด 23 คน มีเพียงเขาและเพื่อนทหารอีกหนึ่งคนที่ทำหน้าที่พลชี้เป้าขึ้นไปถึงชั้นสามของบ้านพัก

เมื่อทั้งคู่เข้าไปถึงห้องนอนของบิน ลาเดนแล้วพลชี้เป้าซึ่งเดินนำหน้าโอนีลอยู่นั้นพอมองเห็นบิน ลาเดนก็ลั่นกระสุนใส่ทันที....แต่พลาด โอนีลซึ่งตามมาก็เลยยิงสองนัดใส่เข้าที่ศีรษะของบิน บินลาเดน

ก่อนที่โอนีลจะลั่นกระสุนนั้น บินลาเดนได้เอามือจับไหล่ของภรรยามายืนบังตัวเองไว้ แล้วก็ผลักภรรยาเข้าใส่โอนีล โดยที่โอนีลจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออามาเป็นภรรยาที่อายุน้อยที่สุด

โอนีลเล่าว่า กะโหลกของบิน ลาเดนแตกตั้งแต่โดนกระสุนนัดแรกแล้ว เมื่อบิน ลาเดนล้มลงหน้าเตียง โอนีลก็ลั่นกระสุนซ้ำอีกหนึ่งนัด และบอกว่า เขาได้อยู่จนเห็นลมหายใจสุดท้ายของบิน ลาเดนก่อนจะจากโลกนี้ไป

การที่โอนีล ออกมาเปิดเผยตัวเองทั้งรายละเอียดและชื่อจริงสู่สาธารณชนแบบนี้ ก็ได้รับเสียงสะท้อนก่นด่าถึงจรรยาบรรณจากบรรดาทหารผ่านศึกทั้งปวง ด้วยว่าทำให้ชีวิตของเพื่อนร่วมงานในแวดวงข่าวลับและทหารหน่วยรบพิเศษอื่นๆอยู่ในอันตราย รวมทั้งครอบครัวของโอนีลเองด้วย กระทรวงกลาโหมของสหรัฐก็ไม่พอใจด้วยว่าตอนนี้อเมริกาเองก็อยู่สภาวะสงครามกับกลุ่มไอเอส (อิสลามหัวรุนแรง)

แต่โอนีลก็ออกมาบอกว่า ในสังคมหน่วยรบพิเศษนั้นเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้วว่าตัวเขาเองคือผู้สังหารบิน ลาเดนตัวจริง และตัวตนของเขายังไงก็ต้องถูกเปิดเผยในอีกไม่นานอยู่ดี

บรรดาหนังสือพิมพ์ของทั้งอเมริกาและหลายประเทศก็ประโคมข่าวนี้ หนึ่งในคำวิจารณ์ที่หน่วยซีลฟังแล้วคงต้องเจ็บจี๊ดก็คือคำว่า Quiet Professional คงจะใช้กับหน่วยนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว


….คน(อยาก)จะดัง นี่มันช่วยไม่ได้จริงๆนะครับ....

No comments:

Post a Comment