ตามคำสัญญาที่ว่าจะเอาเรื่องราวของผู้หญิงเก่งคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังถึงวิธีการที่เธอเปลี่ยนแปลงยาฮู จากบริษัทที่จวนเจียนจะถูกเทคโอเวอร์โดยไมโครซอฟท์ ให้ฟื้นตัวขึ้นมาทรงพลังอีกครั้งหนึ่งครับ
ก่อนอื่นต้องบอกแบ๊คกราวน์ก่อนว่า มาริสสาผู้นี้เป็นพนักงานลำดับที่ 20 ของกูเกิ้ลครับ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในทีมงานยุคก่อร่างสร้างตัวของกูเกิ้ลเลยละ และยังเป็นวิศวกรหญิงคนแรกของกูเกิ้ลอีกด้วย
เธอเรียนจบทั้งตรีและโทสาขา Computer Science จากสแตนฟอร์ด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงมันสมองของเธอได้อย่างดี ซึ่งว่ากันว่าในตอนที่เธอเรียนจบนั้น มีคนมาแย่งตัวเธอไปทำงานถึง 14 แห่ง แต่เธอก็เลือกที่จะมาเป็นวิศวกรชุดแรกของกูเกิ้ล และอยู่กับกูเกิ้ลถึง 13 ปีจนกระทั่งถูกทาบทามจากบอร์ดบริหารของยาฮูให้มาเป็นซีอีโอในปี 2012
ยาฮูในปี 2012 อยู่ในสภาพที่พนักงานเบื่อหน่ายมาก ทิศทางของบริษัทกระจัดกระจาย บอกไม่ถูกว่าตัวเองจะเป็นเสิร์ชเอนจิ้น หรือจะเป็นฟรีเมล หรือจะทำธุรกิจอะไรกันแน่ แถมระบบการบริหารยังเป็นแนวๆระบบราชการ (Bureaucratic) ซึ่งผิดวิสัยของบริษัทเทคโนโลยีอย่างมากเลย
เมื่อมาริสสามาถึง สิ่งแรกที่เธอทำคือกำหนดทิศทางเลยว่า "ยาฮูจะมุ่งไปสู่การเป็น Mobile App" ส่วนผลิตภัณฑ์อย่างอื่นตัดทิ้งหมด ว่าแล้วเธอก็จัดการโละมือถือแบล็คเบอรี่ที่ยาฮูเดิมแจกให้พนักงาน เปลี่ยนเป็นแจกไอโฟนและมือถือแอนดรอยด์ทั้งหมด เพื่อให้พนักงานเข้าสู่โลกของ Application และ ทดลองใช้ app ที่ตัวเองพัฒนาจริงๆบนมือถือเลย
ต่อมา เธอก็ดึงความร่วมมือร่วมใจจากพนักงานโดยการให้ มีบริการอาหารฟรีที่บริษัท และตัวเธอก็ร่วมทานมื้อกลางวันด้วยทุกวัน ซึ่งก็ดึงความสนใจและร่วมใจได้ดีมาก ซึ่งไอเดียนี้เชื่อว่าเธอได้มาจากกูเกิ้ลครับ เพราะกูเกิ้ลเป็นบริษัทแรกๆที่ให้พนักงานทานอาหารฟรีได้ทั้งวัน
ว่ากันว่าที่กูเกิ้ลนั้นค่าอาหารต่อวันต่อพนักงานหนึ่งคนคือ 20เหรียญ ถ้ายาฮูบริการพนักงานด้วยอาหารระดับเดียวกับกูเกิ้ลนั้น ในหนึ่งปียาฮูใช้เงินราวๆ 100 ล้านเหรียญ สำหรับค่าอาหารเท่านั้น (พนักงาน 13,000 คน)
บางคนอาจจะมองว่าเยอะ แต่ผลลัพธ์พิสูจน์ออกมาแล้วว่า แนวทางของมาริสสาทำให้ยาฮูมีรายรับเข้ามาห้าพันล้านเหรียญ ฉะนั้นค่าอาหารคิดเป็นแค่ 2% เท่านั้นเอง และเป็นการดึงมาตรฐานการดูแลพนักงานขึ้นมาให้เทียบเท่ากับกูเกิ้ลและเฟซบุ๊คอีกด้วย
นอกจากนั้นในปีที่แล้ว เธอยังจ้างวิศวกรใหม่อีก 1,000 คน ในจำนวนนี้เป็นด็อกเตอร์ 50 คน โละพนักงานหัวเก่าออกไปก็เยอะ และใช้เงินบริษัทไปตะลุยซื้อกิจการอื่นๆอีกนับพันล้านเหรียญ ซึ่งทำให้ในช่วงไตรมาสที่สามของปีก่อนเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นในงบการเงินของยาฮู
คือ....สินทรัพย์บริษัทลดลง (เพราะเอาไปซื้อกิจการชาวบ้าน) แต่กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น
ตอนแรกๆตลาดหุ้นวอลล์สตรีทก็งงกับยาฮู แต่อีกไม่นานราคาหุ้นของยาฮูก็พุ่งขึ้นเกิน 100% เพราะนักลงทุนเริ่มมั่นใจในทิศทางการบริหารของเธอ
และที่น่าทึ่งยิ่งกว่าก็คือ ในปี 2012 ที่มาริสสาเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของยาฮูนั้น เธอเพิ่งอายุได้ 37 ปี แถมยังเพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ แปลว่า...ตลอดปี 2013 เธอบริหารยาฮูในขณะที่เป็นคุณแม่ลูกอ่อน และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลของแมกกาซีนหลายๆเล่มอีกด้วย
ใครอยากได้เธอมาบริหารบริษัทให้... ค่าตัวของเธอคือ 300 ล้านเหรียญครับ ฟอร์บส์แมกกาซีนเขาประมาณการให้เรียบร้อย....
No comments:
Post a Comment