เชื่อว่าใครที่เล่นหุ้นคงรู้จักวอร์เรน บัฟเฟทปรมาจารย์ด้านการลงทุนแน่นอนนะฮะ และก็คงทราบดีว่าบัฟเฟทนั้นเป็นซีอีโอของบริษัท เบิร์กไชร์ แฮททาเวย์ และด้วยความสามารถอันเอกอุในการวิเคราะห์ความสามารถของบริษัทต่างๆ ทำให้คุณบัฟเฟทเป็นมหาเศรษฐีลำดับต้นๆของโลกด้วยการเข้าไปซื้อหุ้นและซื้อบริษัทที่ผลประกอบการดีๆมาไว้มากมาย ที่เรารู้จักก็เช่น Dairy Queen, ไอบีเอ็ม, ไฮนซ์(ซอสมะเขือเทศน่ะแหละ) ฯลฯ จนกลายเป็นมหาเศรษฐีคนเดียวที่รวยจากการ "เล่นหุ้น"
ปรมาจารย์ด้านการลงทุน "วอร์เรน บัฟเฟท" |
ผมจะไม่พูดถึงประวัติคุณบัฟเฟทละกัน เพราะมีหนังสือมากมายในตลาดอยู่แล้ว ใครอยากรู้ก็ไปซื้อมาอ่านเอาเองละกัน วันนี้ผมจะพูดถึงคุณบัฟเฟทกับธุรกิจการบินครับ โดยหนึ่งในบริษัทที่คุณบัฟเฟทไปซื้อมาก็คือ FlightSafety International ครับ (ซื้อทั้งบริษัทเลย) อันเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ทำธุรกิจ"เทรนนิ่ง" ทั้งนักบิน, ช่าง, dispatcher, ลูกเรือ และบุคลากรทุกชนิดในวงการการบินครับ โดยเฉพาะนักบินก็จะต้องเข้ามาฝึกบินในซิมูเลเตอร์ที่ FlightSafety นี่เองปีละครั้งสองครั้งทุกคนไป
FlightSafety International |
บริษัทผมก็ส่งนักบินไปเทรนในซิมูเลเตอร์ที่นี่มาหลายปีครับก่อนจะเปลี่ยนไปเทรนที่อื่นในช่วงสองปีหลัง โดยคุณบัฟเฟทก็ซื้อที่นี่มาเมื่อปี 1996 ด้วยราคา 1.5 พันล้านเหรียญแล้วก็ควบรวมมาเข้ากับบริษัทเบิร์กไชร์ แฮททาเวย์ของเขา การที่คุณบัฟเฟทเข้ามาร่วมวงในธุรกิจการบินก็ทำให้ธุรกิจนี้ดีขึ้น (คงเพราะด้วยชื่อเสียงของลุงแก) บรรดาบริษัทผลิตเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ต่างก็มาให้ FlightSafety จัดการเทรนนิ่งให้ เช่น บอมบาร์เดียร์ และ กัลฟ์สตรีม ส่วนเฮลิคอปเตอร์ก็มี Sikorsky แล้วก็ Augusta Westland เป็นต้น
ก่อนหน้านี้คุณบัฟเฟทก็ซื้อบริษัทชื่อ NetJets ที่เป็นสายการบินเช่าเหมาลำมาครับ (หลังจากใช้บริการเองอยู่สามปีก็ซื้อมาเป็นของตัวเองเสียเลย) แล้วก็เอาทั้ง NetJets และ FlightSafety มารวมเป็นส่วนหนึ่งของเบิร์กไชร์ แฮททาเวย์เซอร์วิส ครับ ซึ่งผลกำไรนั้นดูแล้ว FlightSafety จะเป็นตัวช่วยดึง NetJets ไว้มาก แต่ภาพรวมก็ยังดูดีอยู่
บรรยากาศในศูนย์ฝึกอบรม Simulator |
ธุรกิจ FlightSafety นั้น คุณบัฟเฟทจัดให้อยู่ในระดับ Good เท่านั้น (แกมีสามระดับคือ Great, Good และ Gruesome) เพราะว่า FligthSafety จะต้องซื้อซิมูเลเตอร์ใหม่แทบจะทุกปี ราคาเฉลี่ยเครื่องละ 12 ล้านเหรียญ และการที่จะทำให้ธุรกิจนี้เดินไปได้เรื่อยแกจะต้องลงทุนปีละราวห้าร้อยกว่าล้านเหรียญ นี่ยังไม่นับสายการบิน NetJets ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วอเมริกา, ยุโรปและเอเชียนะครับ ซึ่งแกบอกว่าข้อนี้คือข้อเสียของธุรกิจการบิน เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่าธุรกิจอื่นเพื่อจะคงอยู่ในตลาดและทำกำไรต่อไป ยิ่งเป็นสายการบินแล้วยิ่งไปกันใหญ่
ยกตัวอย่างการบินไทยครับ ต้องลงทุนซื้อ Airbus 380 เข้ามาหลายลำเพื่อรักษาตำแหน่งของสายการบินระดับพรีเมี่ยมไว้ ก็เลยต้องระดมเงินมหาศาลมาซื้อเครื่องบินใหม่ๆ นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นและมีกระทรวงการคลังช่วยอาจจะแย่ไปแล้ว ส่วนนกแอร์และบางกอกแอร์เวย์นั้นก็กำลังยื่นเรื่องขอเข้าตลาดหุ้นเหมือนกัน คาดว่าทั้งสองสายการบินคงจะเปิดขายหุ้น IPO ภายในปีนี้ครับ สาเหตุก็น่าจะมาจากหาทางระดมทุนนั่นเอง
ล่าสุดเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา FlightSafety ก็บุกตลาดอินเดีย ไปร่วมกับบริษัทอินเดียชื่อ Aviators India เปิดศูนย์เทรนนิ่งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะในช่วงแรกจะเน้นการเทรนลูกเรือ (Flight Attendant) เป็นงานหลัก เรื่องเทรนนักบินและช่างจะเติบโตตามทีหลัง และคาดว่าธุรกิจนี้จะโตเป็นสองเท่าภายใน 5-7 ปีเลยเชียว
No comments:
Post a Comment