Friday, May 3, 2013

ดร.วีรชัย พลาศรัย

29 เมษายน 2556

วันนี้มารู้จักคุณวีรชัย พลาศรัย หัวหน้าทีมทนายฝ่ายไทยกันดีกว่าครับ ถึงแม้ว่ากระแสข่าวตอนนี้จะซาลงไปเพราะฝ่ายการเมืองพยายามลบกระแส แต่ผมก็อยากจะเชิดชูยกย่องข้าราชการที่มีความสามารถ เพราะผลงานที่คุณวีรชัยฝากฝีมือไว้ในศาลโลกเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนภาคภูมิใจว่ากรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี แม้ผลพิจารณาคดีจากศาลโลกยังไม่ออกมา แต่แค่เห็นทีท่าหงุดหงิดฉุนเฉียวของรมว.ต่างประเทศกัมพูชาหลังพิจารณาคดี....ผมก็สบายใจแล้วละ
ดร.วีรชัย พลาศรัย หัวหน้าทีมทนายฝ่ายไทย

ดร.วีรชัย พลาศรัยนั้น ตำแหน่งเต็มยศของท่านในขณะนี้คือ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ครับ ส่วนตำแหน่งหัวหน้าทีมทนายฝ่ายไทยนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะกิจครับ ซึ่งสาเหตุรัฐบาลอภิสิทธิ์แต่งตั้งให้ดร.วีรชัยดำรงทั้งสองตำแหน่งนี้เมื่อ 26 พฤษภาคม 2552 นั้นก็เพราะกรุงเฮกนั้นเป็นที่ตั้งของศาลโลกนั่นเองครับ

โดยตัวของดร.วีรชัยนั้น เรียกได้ว่าเป็นลูกหม้อของกระทรวงการต่างประเทศ(กต.)เลย เพราะได้ทุนกระทรวงไปเรียนตรี-โท-เอกที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของโลกเชียวนะ (ก่อตั้งมาแต่ปี ค.ศ.1213 โน่นน่ะครับ ผีคงดุน่าดู) พอเรียนจบมา ดร.วีรชัยก็ทำงานที่กต.เรื่อยมาจนเจริญก้าวหน้าสู่ตำแหน่งสำคัญคือ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันในความรู้ความสามารถด้านกฎหมายของดร.วีรชัยได้เป็นอย่างดี และตำแหน่งนี้นี่เองก็ทำให้ดร.วีรชัยโดนพิษการเมืองเล่นงาน โดยตอนที่นายนพดล ปัทมะเป็นรมว.กต. ก็จัดการเด้งฟ้าผ่า ดร.วีรชัยเพราะไม่ตอบสนองความต้องการของฝ่ายนักการเมือง

สาเหตุของการเด้งเมื่อปี 2550 ก็คือ กรมสนธิสัญญาในขณะนั้นมีหน้าที่แปลเอกสารคดีซีทีเอ็กซ์ ที่คตส.จะนำมาดำเนินคดีคอรัปชั่นกับทักษิณ ซึ่งฝ่ายการเมือง(ก็รัฐบาลฝ่ายทักษิณน่ะแหละ)พยายามจะขอเอกสารแปลฉบับนี้ แต่ดร.วีรชัยผู้เป็นอธิบดีก็ตอบกลับไปว่า หากต้องการก็ให้ทำหนังสือมาเป็นลายลักษณ์อักษร จะมาขอปากเปล่าไม่ได้ เพราะเป็นเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับคดีคอรัปชั่น บรรดาสำเนาเอกสารจะต้องระบุว่าไปอยู่กับใครบ้าง ฝ่ายการเมืองก็เลยเด้งดร.วีรชัยออกจากตำแหน่ง

ประพฤติดังว่าได้รับการคัดค้านจากคุณวีระศักดิ์ ฟูตระกูลปลัดกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้นอย่างชัดเจน เพราะท่านเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงข้าราชการในกรมสนธิสัญญา มีใจความตอนท้ายที่น่าสนใจว่า “...ขอให้ข้าราชการทุกท่านของกรมสนธิสัญญาฯยึดถือท่านอธิบดีวีรชัยเป็นบุคคลตัวอย่างที่ได้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติอย่างสุดความสามารถ และรักษาเกียรติยศของชาติ ของกระทรวงการต่างประเทศ และของตนอย่างสมศักดิ์ศรีของข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

ภายหลัง ดร.วีรชัยก็กลับมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาอีกครั้งหนึ่งครับ และพอถึงปี 2552 รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ตั้งท่านให้เป็นเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮกดังที่ทราบกันในวันนี้

แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นพรรคเพื่อไทยอีกคำรบหนึ่ง ฝ่ายการเมืองก็ยังคงตามเล่นงานต่อไป คือ เมื่อปี 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์(คราวนี้รมว.กต.เปลี่ยนหน้ามาเป็นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) ก็ออกหนังสือให้ปลดดร.วีรชัยออกจากคณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชาอีกรอบฮะ การณ์ครั้งนี้ก็พยายามทำเงียบๆ แต่ก็ปิดได้ไม่มิดเพราะสมัยนี้เป็นยุคข่าวสารอะไรๆก็ไว
โฉมหน้าทีมทนายฝ่ายไทย นำโดยท่านทูตวีรชัย

แต่ดร.วีรชัยก็ยังคงทำหน้าที่เอกอัครราชทูตและหัวหน้าทีมทนายฝ่ายไทยต่อไป โดยประเด็นสำคัญที่ดร.วีรชัยเสนอต่อศาลโลก ซึ่งแทบจะถือว่าเป็นหมัดน็อกกัมพูชาลงไปก็คือ “กัมพูชานำแผนที่ปลอม(ที่เขียนขึ้นเอง)มาเสนอศาล” ซึ่งเท่าที่ทราบจากการสัมภาษณ์ ดร.วีรชัยภายหลังจบการพิจารณาคดีก็คือ ข้อมูลสำคัญที่ฝ่ายไทยนำขึ้นศาลนั้น ได้รับการปิดลับให้รับรู้เฉพาะในทีมทนายเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำแถลงของดร.วีรชัยต่อศาลโลกซึ่งถือเป็นหมัดเด็ดนั้น ก็ปิดลับสุดยอดกระทั่งคนในรัฐบาลก็ไม่ทราบ และเชื่อว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้รมว.กต.กัมพูชาออกอาการฉุนเฉียวถึงขั้นแถลงข่มขู่ศาลโลก

ความรู้ความสามารถและความสำเร็จของดร.วีรชัยนั้น สมควรที่ได้รับการยกย่อง เพราะหน้าที่ของข้าราชการไทยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ก็คือ เป็นผู้ดูแลประเทศชาติต่างพระเนตรพระกรรณ และทำงานโดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นปฐม สมแล้วที่ท่านได้รับรางวัล”ครุฑทองคำ”เมื่อปี 2553-2554 อันเป็นรางวัลเชิดชูความรู้ความสามารถและความซื่อสัตย์สุจริตของข้าราชการพลเรือน

ไม่แปลกใจที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะไม่เชิดชูดร.วีรชัย หัวหน้าทีมทนายไทย หากแต่พยายามจะให้สื่อต่างๆไปออกแนวโปรกระแสคุณอลินา มิรอง ทนายความสาวลูกครึ่งฝรั่งเศส-โรมาเนียด้วยความสวยและเก่งไปโน่น แต่ทั้งนี้ผมเชื่อว่า นักการเมืองนั้นผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ประเทศชาตินั้นจะยังอยู่ต่อไปโดยมีข้าราชการที่มีความสามารถเช่นดร.วีรชัย เป็นเสาหลักค้ำยันสืบไป

ขอบารมีพระสยามเทวาธิราช เทวดาผู้ปกปักรักษาแผ่นดินไทยจงคุ้มครองข้าราชการผู้ซื่อสัตย์และหวงแหนแผ่นดินไทย ให้พวกท่านได้รับความสุขความเจริญชั่วลูกสืบหลานเถิด

No comments:

Post a Comment