วันนี้ได้ไปพาร์ค เวนเจอร์ ตรงแยกเพลินจิต มองลงมาเห็นเค้ากำลังก่อสร้างห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ ซึ่งเดิมเป็นที่ดินของสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ผมจำได้ว่าเมื่อสักหกปีก่อน (ช่วงปี 2549) ดีลการขายที่ดินสถานทูตอังกฤษนี้เป็นที่ฮือฮาไปทั่ว เพราะเป็นการขายที่ดินด้วยราคาที่แพงที่สุดในประเทศไทย คือ ตารางวาละ 9.5 แสนบาท ในใจผมตอนนั้นนึกตำหนิของสถานทูตอังกฤษ ด้วยว่าที่ดินตรงนั้นมีความหมายทางประวัติศาสตร์มากเกินกว่าจะเอามาขายทำห้างสรรพสินค้า วันนี้ก็เลยจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับที่ดินละแวกเพลินจิตนี้มาเล่าให้ฟังครับ
|
โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่
โปรดสังเกตว่ามีสะพานเชื่อมมาเซ็นทรัลชิดลมด้วยนะฮะ |
สถานทูตอังกฤษในเมืองไทยเรานั้นเริ่มมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ครับ คือ ประมาณช่วงปี พ.ศ.2400 ในสมัยนั้นในหลวงรัชกาลที่ 4 พระราชทานที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้สร้างสถานกงสุลอังกฤษข้างๆกับกงสุลโปรตุเกส แถมยังทรงให้กู้เงินสร้างอาคารอีก 16,000 บาท (ตอนนั้นยังเป็นกงสุล ไม่ได้อัพเกรดเป็นสถานทูตเหมือนทุกวันนี้) อยู่ไปอยู่มาจนถึงปี 2465 กงสุลอังกฤษก็เริ่มบ่นว่า อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานี้เรือกลไฟเยอะควันพิษมาก เสียงพ่อค้าแม่ขายก็ดัง บ่นมากๆเข้ารัฐบาลไทยก็เลยไปหาที่ดินตรงแถวๆเพลินจิตมาให้
ที่ดินตรงนี้ก็คือที่ตั้งสถานทูตอังกฤษปัจจุบันนี่แหละครับ เดิมเป็นสวนของพระยาภักดีนรเศรษฐ บุคคลที่พวกเราคุ้นในนามว่า “นายเลิศ” นั่นเอง สถานทูตอังกฤษนั้นเข้าไปครอบครองครึ่งหนึ่งของที่ดินนายเลิศ คือราวๆ 28 ไร่ (12 เอเคอร์) แต่ในสมัยปี 2465 นั้น เชื่อมั้ยว่า....พื้นที่เพลินจิตนั้นเรียกว่าเป็นพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพมหานครแล้ว ทางชาวอังกฤษและลิ่วล้ออังกฤษในเมืองไทย (เช่น อินเดีย พม่า) ก็โวยวายพอสมควรเพราะว่าไกลความเจริญ ไม่มีรถราง รถไฟไปถึง
สำหรับที่ดินส่วนที่เหลืออีก 28 ไร่ของนายเลิศนั้น ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นที่ตั้งโรงแรมสวิสโซเทค นายเลิศปาร์ค หรือที่เดิมเป็นโรงแรมฮิลตัน (พาร์คนายเลิศ) นั่นเองครับ ลูกหลานก็สบายไปเรียบร้อย ใครเล่าจะไปทราบว่าเรือกสวนไร่นาของบรรพบุรุษเมื่อเกือบร้อยปีก่อนนั้น จะมีราคาต่อตารางวาสูงสุดในประเทศไทย.....
|
การก่อสร้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ในปัจจุบัน |
พอมาถึงเดือนพฤษภา 2549 สถานทูตอังกฤษก็ขายที่ดิน 1 ใน 3 (ประมาณ 9 ไร่) ให้กับเครือเซ็นทรัล ด้วยราคาที่แพงที่สุดในเมืองไทยคือ ตารางวาละ 950,000 บาท บริษัทที่เป็นนายหน้าให้สถานทูตอังกฤษก็คือบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส นั่นเองครับ ซึ่งต่อมาก็เปิดเผยว่า การประมูลนี้มีผู้ยื่นซองประมูลหลายเจ้า เช่น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ก็ยื่นประมูลที่ราคาตารางวาละ 888,888 บาท, บริษัททีซีซีแลนด์ของคุณเจริญก็เสนอตารางวา 700,000 บาท .....ป้าดดด แพงขนาด
สถานทูตอังกฤษก็ให้เหตุผลเพียงว่า ที่ดินติดถนนเพลินจิตที่ขายไปนั้นเสียงดัง มีมลพิษเยอะ แล้วก็จะเอาเงินที่ได้มาประมาณ 3,600 ล้านบาทนั้นไปปรับปรุงอาคารที่เหลืออยู่เพราะเก่าเต็มทีแล้ว (โถ....ฟังเหตุผลแล้วผมก็ยังรู้สึกแหม่งๆอยู่ดีละฮะ)
แต่ทว่าตอนนี้สถิติราคา 9.5 แสนบาทต่อตารางวาก็ถูกทุบไปเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าเคยไปยืนบนสถานีบีทีเอสเพลินจิต แล้วมองไปข้างๆตึกโฮมโปรจะเห็นที่ดินเปล่าๆอยู่แปลงนึงขนาด 7.5 ไร่ ตรงนั้นเรียกได้ว่าเป็นทำเลทองอีกแห่งนึงของเพลินจิต ผู้ครอบครองคือบริษัทเพลินจิต อาเขต ซึ่งเมื่อต้นปี 2552 ได้ขายทั้งหมดไปให้กับบริษัทไรมอนด์แลนด์ไปเรียบร้อยแล้วด้วยราคา 1.2 ล้านบาทต่อตารางวาฮะ....นับเป็นสถิติใหม่ของสยามประเทศเลยทีเดียว อ้อ...นายหน้าของดีลประวัติศาสตร์นี้คือ บริษัท ไอเดีย 360 ร่วมกับธนาคาร CIMB ครับผม
|
ที่ตั้งโครงการโนเบิล เพลินจิต |
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่ดินตรงนั้นก็ยังเปลี่ยนมือไปมา ล่าสุดเห็นว่าไรมอนด์แลนด์ก็ขายต่อไปให้กลุ่มโนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ไปแล้ว ราคาก็อัพไปอัพมาบ้างก็ว่าไปถึงตารางวาละ 1.5 ล้านไปแล้ว.....แต่ยังไม่มีใครคอนเฟิร์มเท่านั้นเอง โดยกลุ่มโนเบิลเค้าก็เอามาทำโครงการคอนโดระดับโคตรแห่งความหรู ชื่อ "โนเบิล เพลินจิต" ราคาขายตารางเมตรละประมาณ 2 แสนบาทเท่านั้นเอง (...อู๊ยย ถูกยังกะได้เปล่า พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย)
รามอินทราแถวบ้านผมยังวาละสองสามหมื่นอยู่นะฮะ.....ใครสนใจมาเป็นเพื่อนบ้านได้ ซื้อเก็บไว้สักร้อยปีราคาอาจถึงวาละล้านได้เหมือนกัน ถ้าโลกไม่แตกเสียก่อน.....
No comments:
Post a Comment