เอาเงินไปฝากใน กบข. คุ้มไหม? (ฉบับเขียนยาวหน่อยครับ เขียนสำหรับเพื่อนทหาร)
ไอเดียการสร้าง กบข. ขึ้นมา ก็เพื่อเปลี่ยนการรับเงินบำนาญของข้าราชการเกษียณว่า แทนที่จะให้รัฐเอางบประมาณของรัฐจ่ายเงินให้ข้าราชการเกษียณเหมือนปัจจุบัน ก็ให้ใช้วิธีหักเงินเดือนของข้าราชการปัจจุบันมาเข้ากองทุน แล้วพอเกษียณก็รับเงินที่ตัวเองหักฝากพร้อมดอกเบี้ยเอาไปใช้ในชีวิตบั้นปลายนั่นเอง (ทำนองอัฐยายซื้อขนมยายน่ะแหละ)
และเพื่อนๆผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก กบข. เท่านั้น เนื่องจากรัฐบาลบังค้บเสียแล้ว เรื่องนี้เราก็คงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
แต่คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวผมก็คือ “ดอกเบี้ย” ที่เพื่อนๆของผมได้รับจากการบริหารกองทุนนี้มัน
- คุ้มค่ากับที่เขาเอาเงินไปฝากไว้เกือบๆ 40 ปีหรือเปล่า?
- เพื่อนผมควรจะคาดหวังเอาผลตอบแทนจาก กบข. นี้เป็นเงินใช้จ่ายหลักหลังเกษียณหรือเปล่า?
ผมก็เลยเปิดเข้าไปในเว็บของ กบข. แล้วก็พบว่ากองทุนนี้เขาตั้งมาตั้งแต่ปี 2540 นับถึงปัจจุบันก็ 16 ปีเศษๆ ข้อมูลที่ผมจับมาใช้ประโยชน์ได้ก็มีอยู่ 3 อย่างครับ คือ
- กองทุนมีขนาด 4.5 แสนล้านบาท
- การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ใน “ตราสารหนี้”
- อัตรากำไรเฉลี่ย 16 ปี คือ 7.5%
เอาข้อแรกก่อนก็แล้วกัน คือ ขนาดกองทุน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งเทียบได้กับกองทุนขนาดยักษ์ใหญ่อลังการดาวล้านดวงมากเมื่อผมเอาไปเทียบกับกองทุน LTF และ RMF ของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งอันนั้นเขามีขนาดกองทุนเฉลี่ย 2 - 3.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ส่วน LTF ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1 - 2 หมื่นล้านเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็น RMF ของกรุงศรีนั้นขนาดราวๆหลักพันล้านเลยด้วยซ้ำ
เหตุผลที่ผมเอาไปเปรียบเทียบกับ LTF และ RMF ก็เพราะว่าเป็นกองทุนระยะยาวเหมือนกันครับ
โอเค….ข้อแรกเป็นอันรู้กันว่า กบข.นั้นเป็นกองทุนที่ขนาดใหญ่แทบจะที่สุดในตลาดกองทุนเมืองไทยเลย จะขยับไปซื้ออะไรทีนึงก็ทำให้ตลาดสะเทือนได้เลยนะ แล้วทีนี้เขาเอาเงินเพื่อนผมไปทำอะไรบ้างล่ะ?
ต่อมาข้อที่สองคือ กบข.เขาเอาเงินไปลงทุนใน”ตราสารหนี้”
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจว่า ตราสารหนี้ คืออะไร ผมก็สรุปสั้นๆได้เพียงว่า เวลาที่บริษัทไหนเขาจะระดมทุนไปทำอะไรสักอย่าง เขาจะออกตราสารหนี้ออกมาเพื่อขอยืมเงินเราไปใช้ จะห้าปี สิบปีอะไรก็ว่าไป แล้วกำหนดดอกเบี้ยให้เลยว่าพอครบอายุถอนคืน เราจะได้เงินต้นคืนพร้อมกับดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์
ถามว่าปลอดภัยไหม....คำตอบคือปลอดภัยมากกก เงินต้นของเราไม่หายแน่ถ้าซื้อตราสารหนี้ แต่ผลตอบแทนก็จะต่ำมากเช่นเดียวกัน คือ ดอกเบี้ยราว 4-5% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งมักจะหนีเงินเฟ้อไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังดีกว่าเอาไปฝากออมทรัพย์ซึ่งดอกเบี้ยต่ำเตี้ยน่าเวทนามาก
การลงทุนในโลกนี้ก็มีหลายแบบครับ เช่น หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, ตราสารหนี้, ทอง, น้ำมัน, ฝากแบงก์, ปล่อยกู้, เล่นหวย,โต๊ะแชร์ ฯลฯ เสี่ยงมากก็กำไรมาก เสี่ยงน้อยก็กำไรน้อย
ต่อมาข้อที่สามคือ อัตรากำไรเฉลี่ย 16 ปี คือ 7.5%
ก็อย่างว่าละครับ เขาเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนหลักในตราสารหนี้ซึ่งเน้นความปลอดภัย อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 7.5% ต่อปีนี่ ผมถือว่าน้อยมากๆเลยนะ
ทีนี้สมมติว่า ถ้า กบข.เอาเงินไปลงทุนในหุ้นล่ะ ผลตอบแทนจะเป็นเท่าไร? ผมก็เลยเข้าไปดูในผลประกอบการ 5 ปีย้อนหลังของกองทุน LTF และ RMF 10 อันดับแรกในตลาดกองทุนไทย ก็พบว่า ในบรรดากองทุนที่เอาไปลงทุนในหุ้นนั้น ผลกำไรสะสมย้อนหลัง 5 ปีคือ 180% คิดง่ายๆคือ ถ้าปีแรกเอาเงินใส่เข้าไป 10,000 บาทก้อนเดียว พอปีที่ห้าเงินจะงอกขึ้นเป็น 28,000 บาท
แต่ถ้าเป็น กบข. ผมใส่เงินเข้าไป 10,000 บาทก้อนเดียว พอปีที่ห้าผมจะมีเงินงอกขึ้นเป็น 16,289 บาทเท่านั้น (คิดดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี)
กำไรเฉลี่ยของ กบข.ต่อปีคือ 7.5% ครับ ส่วนกองทุน LTF หรือ RMF สิบอันดับแรกคือ ประมาณ 15-20% ต่อปี
ผมก็คงไม่วิจารณ์ว่านโยบายการลงทุนของ กบข. เขาทำกำไรดีหรือห่วย เพราะบางทีอาจมองต่างมุมว่า “กบข.ต้องเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก” ก็เป็นได้นะ (ซึ่งก็จริงของเขา)
เขียนมาถึงตอนนี้ ผมก็พอจะตอบคำถามที่ตั้งไว้ตอนแรก 2 ข้อได้ดังนี้
1. คุ้มค่ากับที่เขาเอาเงินไปฝากไว้เกือบๆ 40 ปีหรือเปล่า?
อันนี้ผมตอบได้เลยว่าไม่คุ้มค่า เพราะด้วยอัตราผลประกอบการที่เน้นความปลอดภัยแบบนี้ ผมมองว่าเป็นการเอาเงินเพื่อนๆผมไปกองไว้เสียเวลาเปล่าๆ กบข.น่าที่จะทดลองเปลี่ยนนโยบายแบ่งเอาเงินบางส่วนไปลงทุนในหุ้น หรือ ไปซื้อกองทุนที่เขาลงทุนในหุ้นบ้าง อัตราผลกำไรจะได้ดีกว่านี้
2. เพื่อนผมควรจะยึดถือเอาผลตอบแทนจาก กบข. นี้เป็นเงินใช้จ่ายหลักหลังเกษียณหรือเปล่า?
คำตอบ คือ “ไม่” เพื่อนผมควรจะถือเอาเงินก้อนนี้เป็นเงินสำรองชีวิตเท่านั้น เพราะผมลองคำนวณว่า ถ้าเพื่อนผมๆหักฝากเดือนละ 3% (ซึ่ง 3% ขั้นต่ำของการหักฝากกบข. สูงสุดคือ 15%) โดยผมสมมติว่าเงินเดือนเฉลี่ยของเพื่อนผมจนเกษียณคือ 50,000 บาท ก็คือเดือนละราวๆ 1,500 บาท ฝาก 35 ปี ดอกเบี้ยปีละ 7.5% แล้ว
พอเพื่อนผมเกษียณ เขาจะได้รับเงินจากกองทุนนี้ คือ 2.9 ล้านบาท (เงินต้น 630,000 บาท + กำไร 2,270,000 บาท) เมื่อมาคิดหักจากอัตราเงินเฟ้อแล้ว ก็ไม่ได้เยอะมาก
แต่ถ้าเพื่อนผมเปลี่ยนเป็นหักฝากเดือนละ 10% ก็คือเดือนละราวๆ 5,000 บาท เป็นเวลา 35 ปี ก็จะได้เงินหลังเกษียณคือ ประมาณ 9.7 ล้านบาท (เงินต้น 2.1 ล้าน + กำไร 7.6 ล้าน)
สรุปจบสุดท้ายคือ “เพื่อนผมควรจะทำอย่างไร?” คำตอบก็มีสองแนวทางครับ คือ
- เพิ่มจำนวนเงินหักฝากต่อเดือนให้เต็มที่ อย่างน้อยๆคือ เดือนละห้าพันบาทขึ้นไป สุดท้ายเราจะได้เงินวันเกษียณเกือบๆสิบล้านบาท (แต่ถ้าแก่แล้วอย่างรุ่นผม ก็ให้มากกว่าห้าพันเยอะๆหน่อยก็ดี)
- ฝากกบข.ด้วยเงินขั้นต่ำต่อไป คือ 3% แต่ไปเปิดบัญชีกองทุนรวม LTF หรือ RMF แล้วฝากเงินสะสมไปเรื่อยๆทุกเดือน ซึ่งผลกำไรเฉลี่ยของกองทุน 10 อันดับแรก คือ 15-20% ต่อปี ซึ่งผลกำไรดีกว่า กบข.มากมายนัก
สำหรับข้าราชการแล้ว ผมไม่แนะนำให้เล่นหุ้น แต่ให้ซื้อกองทุนดีกว่าครับ เพราะเขามีมืออาชีพมาบริหารให้เราได้กำไรกว่าเยอะ สำหรับกองทุน LTF และ RMF ที่ผมแนะนำก็มีของ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, บริษัทหลักทรัพย์อเบอร์ดีน, ธนาคารยูโอบี เป็นต้น
ใครอยากทดลองดูว่า ถ้าเราฝากเงินเท่านี้ๆต่อเดือน เป็นเวลาเท่านี้ๆ ด้วยผลกำไรเท่านี้ต่อปี พอเวลาผ่านไปจะได้รับเงินเท่าไรก็ลองดูที่ลิงก์ข้างล่างนี้นะครับ ธนาคารทหารไทยเขาทำไว้ดีมากเลย
https://www.mytmb.com/calculator/
ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ ช่วยให้เข้าใจได้มากเลย
ReplyDeleteตอนนี้ กบข สามารถให้สมาชิกปรับเปลี่ยนการลงทุนได้แล้ว มีข้อแนะนำอะไรเพิ่มเติมไหมคะ?
ขอบคุณค่ะ
เขียนได้ดีมากครับ
ReplyDeleteเขียนได้ดีมาก และเป็นประโยชน์มากๆ ครับ ขอขอบคุณและชื่นชม มา ณ ที่นี้ครับ
ReplyDelete