Sunday, January 27, 2013

Les Miserables

ไม่ได้เขียนบทความมานานเนื่องจากมัวแต่สอบอยู่ ตอนนี้สอบเสร็จแล้วก็ขอกลับคืนวงการนะฮะ หวังว่าเพื่อนๆยังสนใจอ่านกันอยู่เน้อ

เมื่อวานได้ไปดูหนังดีมาหนึ่งเรื่องคือ Les Miserables ครับ อ่านว่า “เล มีเซราบล์” เป็นหนังที่สร้างขึ้นมาจากนิยายอมตะสัญชาติฝรั่งเศสอายุราว 150 ปี ประพันธ์โดย “วิคเตอร์ ฮูโก” นิยายเรื่องนี้มีทั้งหมด 5 ตอนครับ คือ Fantine, Cosette, Marius, The Idyll in the Rue Plumet and the Epic in the Rue St. Denis และ Jean Valjean นิยายชุดนี้เป็นที่โด่งดังและได้รับการแปลออกไปหลายๆภาษาทั่วโลกเนื่องจากผู้เขียนพรรณาบรรยากาศในสมัยหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสช่วงปี 1815-1832 ได้อย่างลึกซึ้งถึงรายละเอียดชีวิตผู้คน สถาปัตยกรรม สภาพความยากลำบาก ความเป็นอยู่ที่ยากเข็ญของชนชั้นล่างในสมัยนั้น ด้วยเพราะผู้แต่งใช้ชีวิตอยู่ในช่วงนั้นพอดีนั่นเอง

คำว่า Les Miserables นี้แปลได้ว่า “เหล่าผู้ทุกข์ทน” แต่ผู้แปลเป็นภาคไทยคือ “จูเลียต” หรือ คุณชนิด สายประดิษฐ์ (ภรรยาคุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ เจ้าของนามปากกา “ศรีบูรพา”) ตั้งชื่อภาษาไทยให้ว่า “เหยื่ออธรรม” ซึ่งก็ให้ความหมายได้ชัดเจนทีเดียว
ฌอง วัลฌอง (ฮิวจ์ แจ๊คแมน)

เนื้อเรื่องพูดถึงชีวิตของ ฌอง วัลฌอง (แสดงโดย ฮิวจ์ แจ๊คแมน) ที่ติดคุก 19 ปีเพราะขโมยขนมปังมาให้หลานชายที่หิวโหย หลังจากพ้นโทษออกมาชีวิตก็ตกทุกข์ได้ยาก เพราะในเอกสารประจำตัวระบุตราหน้าว่าฌองเป็นนักโทษเก่า ก็เลยหางานทำไม่ได้และต้องอาศัยนอนข้างถนน จนกระทั่งมาพบเข้ากับบาทหลวงมีเรียล ที่เข้ามาช่วยเหลือและพลิกชะตาให้ฌองกลับมาศรัทธากับชีวิตตัวเองอีกครั้ง จนกระทั่งฌองปลอมเปลี่ยนตัวตนจนประสบความสำเร็จเป็นนายกเทศมนตรีและเจ้าของโรงงานเพื่อช่วยเหลือหางานให้ชาวบ้าน แต่ขณะเดียวกันฌองก็ต้องคอยหวาดระแวงการติดตามของตำรวจไร้มนุษยธรรมนามว่า “ฌาแวร์” (รัสเซล โครว์) อีกด้วย
ฟองทีน (แอนน์ แฮททาเวย์)

อยู่มาวันหนึ่งฌองก็ได้มาช่วยเหลือฟองทีน (แอนน์ แฮททาเวย์) ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ชีวิตพลิกผันให้ต้องมาเป็นโสเภณี ขายเส้นผม ขายฟัน 2 ซี่เพื่อส่งเงินไปช่วยเหลือลูกน้อยนามว่า “โคเซ็ตต์” และก่อนที่ฟองทีนจากโลกนี้ไปด้วยความทุกข์ระทมกายใจ ฌองก็ให้คำสัตย์ว่าจะดูแลเด็กน้อยโคเซ็ตต์ ซึ่งชีวิตของฌองก็ต้องผกผันแปรไปอีกครั้งเมื่อต้องทำหน้าที่พ่อผู้เสียสละเลี้ยงดูจนโคเซ็ตต์โตเป็นสาว และฌองต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องแฟนหนุ่มของโคเซ็ตต์ที่เป็นแกนนำกลุ่มต่อต้านระบบศักดินาจนรอดชีวิตกลับมาแต่งงานกับโคเซ็ตต์

นิยายเรื่องนี้ได้รับการทำออกมาเป็นละครเวทีและภาพยนตร์หลายครั้งมากครับ สำหรับในเวอร์ชั่นที่ฉายตอนนี้ก็เป็นภาพยนตร์แบบมิวสิคัล เพลงที่นำมาใช้ร้องนั้นก็ล้วนแต่นำมาจากบทละครเวทีดั้งเดิมทั้งสิ้น นักแสดงทุกคนก็ร้องสดด้วยตัวเองเช่นกัน สำหรับนักแสดงที่ผมว่าแสดงได้ดีสุดๆก็คือ แอนน์ แฮททาเวย์ ที่รับบทเป็นฟองทีน โดยในฉากที่ร้องเพลง “I dreamed a dream” นั้นแอนน์แสดงได้กินใจและร้องได้ไพเราะมากๆ เมื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอแล้วก็ยิ่งประทับใจ คือคุณแม่ของแอนน์นั้นเป็นนักแสดงละครบรอดเวย์และได้แสดงในบทฟองทีนในยุคแรกๆที่ Les Miserables เข้ามาแสดงในสหรัฐฯเช่นกันครับ
ภาพหน้าปกนิยาย Les Miserables
ในฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 150 ปีก่อน
เป็นรูปเด็กน้อยโคเซ็ตต์

ผู้เขียนนั้นเอาคาแรกเตอร์ของฌอง วัลฌอง มาจากบุคคลจริงในยุคนั้นชื่อ Eugène François Vidocq (ดูรูปการแล้วผมไม่กล้าอ่านออกเสียงฮะ) ซึ่งเป็นอดีตนักโทษที่ภายหลังกลายมาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และได้เอาประสบการณ์เป็นอาชญากรของตัวเองมาช่วยพัฒนาระบบการสืบสวนของตำรวจฝรั่งเศส จนได้รับการยกย่องเป็น “บิดาของกรมตำรวจฝรั่งเศส” เลยทีเดียว นอกจากจะเอาคาแรกเตอร์มาใช้แล้ว ผู้เขียนยังเอาเรื่องจริงที่ว่าคุณ Vidocq ยกเกวียนขึ้นบ่าตนเองเพื่อช่วยชีวิตคนงานโรงงานกระดาษมาใส่ในนิยายด้วย และฉากนี้ก็เป็นอีกฉากหนึ่งที่ประทับใจในภาพยนตร์เวอร์ชั่น 2012 นี้เช่นกันครับ

นิยาย Les Miserables นี้มีความยิ่งใหญ่ทั้งคุณภาพงานเขียน คุณค่าทางประวัติศาสตร์ กินใจถึงความทุกข์ระทมของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมครับ ถ้าใครมีเวลาว่าง ผมแนะนำให้ไปดูหนังเรื่องนี้กันครับ แล้วจะได้แนวคิดดีๆออกมาอีกเยอะเลย สำหรับผมนั้นเห็นว่านิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังฝรั่งไม่กี่เรื่องที่เชิดชูเห็นว่าศาสนาเปลี่ยนชีวิตคนที่ยากไร้ให้กลับมามีกำลังใจและส่งต่อความดีงามกันต่อไปได้อย่างไรครับ